เมนู

ปริพาชกบางคน โง่เขลา ไม่ฉลาด อย่างไรจักรู้บุคคลผู้เป็นสอุปา-
ทิเสสะว่า เป็นสอุปาทิเสสะ หรือจักรู้บุคคลผู้เป็นอนุปาทิเสสะว่า
เป็นอนุปาทิเสสะ ดูก่อนสารีบุตร บุคคล 9 จำพวกนี้แล เป็น
สุปาทิเสสะ กระทำกาละ พ้นจากนรก พ้นจากกำเนิด สัตว์.
ดิรัจฉานพ้นจากเปรตวิสัย พ้นจากอบาย ทุคติและวินิบาต.
ดูก่อนสารีบุตร ธรรมปริยายนี้ ยังไม่แจ่มแจ้งแก่ภิกษุ
ภิกษุ อุบาสก อุบาสิกาก่อน ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะผู้ฟัง
ธรรมปริยายที่เรากล่าวด้วยความอธิบายปัญหานี้แล้ว อย่าถึง
ความประมาท.
จบ สอุปาทิเสสสูตรที่ 2

อรรถกถาสอุปาทิเสสสูตร


สอุปาทิเสสสูตรที่ 2

มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า สอุปาทิเสสํ ได้แก่ เป็นผู้ยังมีเบญจขันธ์เหลือ. บทว่า
อนุปาทิเสสํ ได้แก่ เป็นผู้มีเหลืออุปาทาน คือหมดความยึดถือ.
บทว่า มตฺตโสการี ได้แก่ เป็นผู้ทำพอประมาณ คือไม่ทำใหับริบูรณ์.
บทว่า น ตาวายํ สาริปุตฺต ธมฺมปริยาโย ปฏิภาสิ ความว่า ก็ใน
ข้อนี้ได้ความหมายดังนี้ว่า ธรรมดาความไม่แจ่มแจ้ง ย่อมไม่มี
แก่พระผู้มีพระภาคเจ้า เราจักไม่กล่าวธรรมปริยายนี้ก่อน. บทว่า
มายิมํ ธมฺมปริยายํ สุตฺวา ปมาทํ อาหรึสุ ความว่า บุคคลทั้งหลาย
เมื่อไม่ทำความเพียรเพื่ออรหัตในเบื้องบน อย่างความประมาท

ด้วยเข้าใจว่า นัยว่าเราทั้งหลาย พ้นแล้วจากอบาย 4 ดังนี้.
บทว่า ปญฺหาธิปฺปาเยน ภาสิโต ท่านแสดงว่า เรากล่าวว่า เรา
กล่าวตามปัญหาที่ท่านถามแล้วดังนี้.
ก็พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงทำเหตุนั้นเท่านั้นให้เกิด เพื่อ
บรรเทาฉันทราคะในภพทั้งหลายของบุคคล 9 จำพวกเหล่านี้แล้ว
จึงได้ตรัสพระสูตรนี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คูถแม้มีประมาณน้อย
ย่อมมีกลิ่นเหม็นแม้ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่กล่าวซึ่ง
ภพแม้มีประมาณน้อยโดยที่สุด แม้เพียงชั่วลัดนิ้วมือฉันนั้นเหมือนกัน.
มิใช่อย่างเดียว มิเป็นที่ไปของบุคคล 9 จำพวกเหล่านั้นก็ติดต่อกัน.
สรณะ 3 ศีล 5 สลากภัตหนึ่ง ปักขิกภัตหนึ่ง วัสสาวาสิกะหนึ่ง
สระโบกขรณีหนึ่ง อาวาสหนึ่ง บุญที่เนื่องกันเห็นปานนี้ มีอยู่
แก่ตระกูลทั้งหลายเหล่าใด ทางดำเนินแม้ของตระกูลทั้งหลาย
เหล่านั้นก็เนื่องกัน ตระกูลทั้งหลายเหล่านั้น เป็นเช่นกับโสดาบัน
บุคคลนั่นเอง.
จบ อรรถกถาสอุปาทิเสสสูตรที่ 2

3. โกฏฐิตสูตร


ว่าด้วยกรรมและการให้ผลของกรรม


[217] ครั้งนั้นแล ท่านพระมหาโกฏฐิตะเข้าไปหาท่าน
พระสารีบุตรถึงที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระสารีบุตร ครั้นผ่าน
การปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันได้แล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้ว ได้ถามท่านพระสารีบุตรว่า ดูก่อนอาวุโสสารีบุตร
บุคคลอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อประโยชน์
นี้ว่า กรรมในที่ให้ผลในปัจจุบัน ขอกรรมนั้นจงให้ผลในสัมปรายภพ
แก่เรา ดังนี้ ได้หรือหนอ.
ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า ดูก่อนอาวุโส ไม่ใช่อย่างนี้.
ม. ดูก่อนอาวุโสสารีบุตร ก็บุคคลอยู่ประพฤติพรหมจรรย์
ในพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อประโยชน์นี้ว่า กรรมใดที่ให้ผลใน
สัมปรายภพ ขอกรรมนั้นจงให้ผลในปัจจุบันแก่เรา ดังนี้ ได้หรือ
หนอ.
สา. ดูก่อนอาวุโส ไม่ใช่อย่างนี้.
ม. ดูก่อนอาวุโสสารีบุตร ก็บุคคลอยู่ประพฤติพรหมจรรย์
ในพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อประโยชน์นี้ว่า กรรมใดให้ผลเป็นสุข
ขอกรรมนั้นจงให้ผลเป็นทุกข์แก่เรา ดังนี้ ได้หรือหนอ.
สา. ดูก่อนอาวุโส ไม่ใช่อย่างนี้.
ม. ดูก่อนอาวุโสสารีบุตร ก็บุคคลอยู่ประพฤติพรหมจรรย์
ในพระผู้มีพระภาคเจ้า เพื่อประโยชน์นี้ว่า กรรมใดให้ผลเป็นทุกข์